Browse By

Tag Archives: พรีเมียร์ลีก

นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกโรงหนุน ฟิล โฟเด้น

สัญลักษณ์ของฟุตบอลสมัยใหม่ที่งดงามและมีประสิทธิภาพที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และในสัปดาห์นี้ชื่อของ ฟิล โฟเด้น กลับมาอยู่ในพาดหัวข่าวอีกครั้ง หลังจากโชว์ฟอร์มเด่นต่อเนื่องทั้งในเกมพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จนได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากผู้จัดการทีมผู้เป็นดั่งพ่อคนที่สองในชีวิตการค้าแข้งของเขา — เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่แห่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมล่าสุดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแฝงความภาคภูมิใจ เมื่อถูกถามถึงพัฒนาการของโฟเด้น เขาตอบเพียงสั้น ๆ แต่ชัดเจนว่า “ฟิลกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา และเขายังจะไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก ผมภูมิใจในตัวเด็กคนนี้เสมอ” คำพูดของเป๊ปอาจฟังดูเรียบง่าย แต่สำหรับคนที่ติดตามทีมเรือใบสีฟ้ามาตลอด มันคือประโยคที่มีความหมายลึกซึ้ง เพราะโฟเด้นคือผลผลิตจากอะคาเดมีของสโมสรโดยตรง และเป็นหนึ่งในนักเตะเพียงไม่กี่คนที่สามารถยืนหยัดในทีมชุดใหญ่ได้ในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันจากนักเตะระดับโลก เมื่อย้อนกลับไปในปี 2016 ที่เด็กหนุ่มจากสต็อกพอร์ตอายุเพียง 16 ปี ถูกดึงขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ครั้งแรก หลายคนยังไม่รู้จักชื่อของเขาด้วยซ้ำ แต่เป๊ปมองเห็นบางสิ่งในตัวของโฟเด้น สิ่งที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลขหรือสถิติ เขาเคยพูดกับทีมงานว่า “เด็กคนนี้มีสายตาในการเล่นที่แตกต่างจากใครทั้งหมด เขาเห็นช่องที่คนอื่นไม่เห็น และเขาเล่นฟุตบอลเหมือนมันเป็นภาษาธรรมชาติของชีวิต” แปดปีผ่านไป คำพูดนั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริงทุกประการ โฟเด้นไม่เพียงเติบโตขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคทองในทีมที่กวาร์ดิโอล่าสร้างขึ้น เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่คว้า

รูเบน อาโมริม ยืนยันไม่มีแผนลาออกจากกุนซือปีศาจแดง

ท่ามกลางกระแสความกดดันที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากทั้งสื่อมวลชนและแฟนบอลทั่วโลก รูเบน อาโมริม ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมายืนยันชัดเจนอีกครั้งว่า เขาไม่มีแผนจะลาออกจากตำแหน่งกุนซือของ “ปีศาจแดง” แม้ทีมจะอยู่ในช่วงฟอร์มตกและเจอกับเสียงวิจารณ์อย่างหนักก็ตาม กุนซือชาวโปรตุกีสวัย 39 ปี ย้ำว่าตนยังคงมุ่งมั่นที่จะพาทีมกลับมาสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ และเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นภายในสโมสรจะเริ่มเห็นผลในไม่ช้า คำแถลงของอาโมริมเกิดขึ้นหลังเกมพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพ่ายแพ้อีกครั้งต่อคู่แข่งร่วมลีก ส่งผลให้ทีมหล่นลงไปอยู่อันดับกลางตารางคะแนน ท่ามกลางข่าวลือหนาหูว่าเขาอาจถูกกดดันให้ลาออกหรือถูกปลดออกจากตำแหน่งในเร็ววัน อย่างไรก็ตาม กุนซือหนุ่มจากลิสบอนกลับแสดงความหนักแน่นและความมั่นใจเต็มเปี่ยมในการแถลงข่าวหลังเกม “ผมรู้ว่าความคาดหวังของที่นี่สูงมาก และเมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามที่แฟนบอลต้องการ เสียงวิจารณ์ก็จะดังขึ้นเป็นเรื่องปกติ” อาโมริมกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่มีแผนจะลาออก ผมมาที่นี่เพื่อสร้างบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่และผมจะไม่หนีจากความท้าทายนี้เด็ดขาด” ประโยคดังกล่าวกลายเป็นหัวข้อข่าวในสื่ออังกฤษเกือบทุกสำนักในเช้าวันถัดมา แสดงให้เห็นว่าประเด็นเรื่องอนาคตของกุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นสิ่งที่สังคมฟุตบอลจับตามองอย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่เขาเข้ามารับตำแหน่งต่อจากเอริก เทน ฮาก เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แฟนบอลคาดหวังว่าอาโมริมจะนำเอาปรัชญาฟุตบอลสมัยใหม่ที่เคยสร้างชื่อในลีกโปรตุเกสมาปรับใช้กับทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก แต่จนถึงตอนนี้ ผลลัพธ์ในสนามยังไม่เป็นไปตามที่ทุกฝ่ายหวัง แม้ฟอร์มการเล่นจะไม่สม่ำเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคืออาโมริมพยายามสร้างทีมขึ้นใหม่จากรากฐาน เขาให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งหลายคนได้ลงสนาม และพยายามปรับระบบจากเดิมที่เน้นเกมรับของยุคก่อนหน้า มาเป็นฟุตบอลที่เน้นการเพรสซิ่งสูงและครองบอลในแดนคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต้องใช้เวลา และนั่นคือสิ่งที่แฟนบอลบางส่วนอาจยังไม่เข้าใจ

วิเคราะห์โอกาสคว้าแชมป์ของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในอนาคต

ชื่อของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของเกาะอังกฤษ แต่ก็เป็นสโมสรที่แฟนบอลทั้งรักทั้งเหนื่อยใจ เพราะในรอบหลายทศวรรษ ทีมถูกมองว่าเป็น “ใกล้เคียง” แต่ยังไม่สามารถคว้าความสำเร็จระดับใหญ่ได้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก การเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกปี 2019 ที่ไม่สมหวัง หรือการเข้าถึงรอบลึก ๆ ของบอลถ้วย แต่สะดุดในจังหวะสุดท้าย อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในถิ่น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดียม กำลังเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนในยุคของ อังเก้ ปอสเตโคกลู และการมีผู้นำอย่าง คริสเตียน โรเมโร่ ที่ออกมาประกาศชัดว่าไม่เคยคิดอำลาทีม คือหนึ่งในสัญญาณของการสร้าง “ยุคใหม่” ที่เต็มไปด้วยความหวัง 1. ปรัชญาของทีมที่เปลี่ยนไป สิ่งที่ทำให้สเปอร์สแตกต่างจากหลายปีที่ผ่านมาคือ ปรัชญาการเล่นของปอสเตโคกลู เขามาพร้อมกับฟุตบอลเชิงรุกที่เร้าใจ เน้นการครองบอลและสร้างสรรค์เกมรุกแบบต่อเนื่อง แตกต่างจากยุคก่อนที่สเปอร์สถูกวิจารณ์ว่าเล่นระมัดระวังและขาดเสน่ห์ สไตล์ใหม่ทำให้สเปอร์สกลายเป็นทีมที่ดูสนุกในการรับชมอีกครั้ง และที่สำคัญคือแฟนบอลกลับมารู้สึกว่าทีมนี้มี “ทิศทางที่ชัดเจน”

อาร์เซน่อล ทีมเต็งแชมเปี้ยนส์ ลีก?

กุนซือมากประสบการณ์อย่าง เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ แห่งแอธเลติก บิลเบา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงชื่นชมผลงานของ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล โดยมองว่าสโมสรจากพรีเมียร์ลีกทีมนี้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะก้าวไปถึงการเป็น แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลปัจจุบัน คำกล่าวนี้สร้างกระแสและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงการฟุตบอลอย่างมาก เพราะบัลเบร์เด้ไม่ใช่กุนซือธรรมดา แต่เป็นผู้ที่เคยผ่านเวทียักษ์ใหญ่มาแล้วกับบาร์เซโลน่า และมีประสบการณ์ตรงในการเจอทีมระดับสูงของยุโรป การที่เขามองว่าอาร์เซน่อลคือทีมเต็งย่อมมีเหตุผลรองรับ ซึ่งเราจะมาวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าทำไมเขาถึงกล่าวเช่นนั้น 1. เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ และน้ำหนักของคำพูด เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เป็นกุนซือที่แฟนบอลรู้จักกันดีในฐานะอดีตผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่า ที่พาทีมคว้าแชมป์ลาลีกามาแล้ว เขามีชื่อเสียงในด้านการสร้างทีมให้เล่นอย่างมีระเบียบ การอ่านเกมคู่แข่ง และการพัฒนาศักยภาพของผู้เล่นเยาวชน นอกจากนี้เขายังเป็นกุนซือที่เคยเจอทั้งอาร์เซน่อลและทีมอังกฤษหลายครั้งในถ้วยยุโรป ดังนั้น เมื่อบัลเบร์เด้พูดว่า “อาร์เซน่อลคือหนึ่งในทีมเต็งแชมเปี้ยนส์ ลีก” มันจึงไม่ใช่คำพูดลอย ๆ แต่มีที่มาที่ไป เป็นการประเมินจากสายตาของคนที่เคยทำงานในระดับสูงสุด และเข้าใจว่าทีมใดมีองค์ประกอบที่จะประสบความสำเร็จในเวทียุโรป 2. การพัฒนาของอาร์เซน่อลในยุค มิเกล อาร์เตต้า อาร์เซน่อลภายใต้การคุมทีมของ